ท้าวกะหมังกุหนิง
เป็นกษัตริย์ ผู้มีความรัก ความเมตตา ต่อลูกชายของตน วิหยาสะกำ
สังเกตได้จากตอนที่ลูกของตนหลงรักนางบุษบา ถึงจะรู้ว่านางบุษบามีคู่หมั้นแล้วแต่
ด้วยความสงสารลูก ก็ได้ไปขอนางบุษบาให้ ถือเป็นความรักที่ยิ่งใหญ่ที่มีให้แก่ลูกแต่เป็นผู้มีโทสะ
รุนแรง ไม่ยังคิด
สังเกตได้จาก ตอนที่ท้าวกะหมังกุหนิงส่งราชทูตไปสู่ขอนางบุษบา
ได้ถูกท้าวดาหาปฏิเสธ ท้าวกะหมังกุหนิงทรงโกรธ จึงทัพไปตี เหตุการณ์นี้เป็นการแสดงให้เห็นถึง
ความมีอารมณ์ ความขาดสติมาก ไม่ได้คิดไตร่ตรองเสียก่อน ทำการใดๆ
ส่งผลทำให้เกิดปัญหามากมายภายหลัง
วิหยาสะกำ
เป็นลูกของท้าวกะหมังกุหนิง เป็นผู้มีความเอาแต่ใจตน
และลุ่มหลงในรูปรสภายนอก ดูได้จาก การให้พ่อของตนไปสู่ขอนางบุษบามาแต่งงานกับตน
ทั้งที่รู้ว่านางบุษบามีคู่หมั้นแล้ว แต่ก็ยังต้องการแต่งกับนางบุษบาอยู่
เพราะเกิดลุ่มหลงในรูปรสที่ได้เห็น สังเกตได้จากกลอนที่วิหยาสะกำ
บรรยายถึงความสวยของนางบุษบา ดังนี้
พระทนต์แดงดังแสงทับทิม
เพริศพริ้มเพราพักตร์คมขำ
วพรรณผุดผ่องเพียงทองคำ
วิไลลักษณ์เลิศล้ำอำไพ
ท้าวดาหา
เป็นผู้ที่ถือเกียรติแห่งวงศ์เทวามาเป็นอันดับหนึ่ง
แต่กลับเป็นผู้ที่เกือบทำให้วงศ์เทวาสิ้นเกียรติเช่นกัน(กรณียกบุษบาให้จรกาและตัดสินใจเปิดศึกกับกะหมังกุหนิง)ท้าวดาหาเป็นผู้ที่ประชดประชันเก่ง
ไม่ยอมให้ผู้อื่นมาย่ำยีดาหาง่ายๆ
เมื่ออิเหนาตัดสัมพันธ์ก็ประชดอิเหนาและท้าวกุเรปันพระเชษฐา
โดยการประกาศยกพระธิดาให้ระตูทันที(อันเป็นการผิดราชประเพณี เพราะวงศ์เทวาจะต้องอภิเษกกับวงศ์เทวาด้วยกันเท่านั้น)แต่ท้าวดาหาก็ทรงทำไปเพราะความโกรธอิเหนาพระนัดดาเท่านั้นไม่ทรงมีพระประสงค์ที่จะยกบุษบาให้จรกาเท่าใดนัก
แต่เมื่อทรงคิดได้ก็ไม่ทันการแล้ว
ท้าวกุเรปัน
ทรงตั้งอยู่ในสัจจะมาก ทรงยึดถือความถูกต้องมาก่อน
เมื่ออิเหนาก่อเหตุก็ไม่ทรงเข้าข้างอิเหนาแต่อย่างไร
ทรงเป็นผู้ที่ถือเกียรติแห่งวงศ์เทวามาเป็นอันดับหนึ่ง เช่นเดียวกันกับท้าวดาหา
ท้าวกาหลัง และท้าวสิงหัดส่าหรี ท้าวกุเรปันทรงมีพระทัยเด็ดเดี่ยวมาก
จะเห็นได้จากเมื่อทรงโปรดให้อิเหนายกทัพจากหมันหยาไปช่วยดาหารบ
ทรงยอมที่จะตัดความเป้นพ่อลูกกันหากอิเหนาไม่ยอมยกไปช่วย
อิเหนา
อิเหนาหรือระเด่นมนตรี มีชื่อว่า “ หยังหยังหนึ่งหรัดอินดราอุดากันสาหรีปาติอิเหนาเองหยังตาหลาเมาะตาริยะกัดดังสุรศรี
ดาหยังอริราชไพรี เองกะนะกะหรีกุเรปัน ”เป็นโอรสของท้าวกุเรปันและประไหมสุหรีนิหลาอระดา
อิเหนาเป็นชายรูปงาม มีเสน่ห์มีนิสัยเจ้าชู้
มีความเชี่ยวชาญในการใช้กริชและกระบี่เป็นอาวุธ อิเหนามีมเหสี ๑๐ องค์ ได้แก่
-จินตะหราวาตีเป็นประไหมสุหรีฝ่ายขวา
-บุษบาหนึ่งหรัดเป็นประไหมสุหรีฝ่ายซ้าย
-บุษบาวิลิศเป็นมะโตฝ่ายขวา
-บุษบากันจะหนาเป็นมะโตฝ่ายซ้าย
-ระหนาระกะติกาเป็นลิกูฝ่ายขวา
-อรสาเป็นลิกูฝ่ายขวา
-สะการะวาตีเป็นมะเดหวี่ฝ่ายขวา
-มาหยารัศมีเป็นมะเดหวี่ฝ่ายซ้าย
-สุหรันกันจะสาหรี่เป็นเหมาหลาหงีฝ่ายขวา
-หงยาหยาเป็นเหมาหลาหงีฝ่ายซ้าย
รอบคอบ มองการณ์ไกล ตอนที่สังคามาระตารบกับวิหยาสะกำ อิเหนาได้เตือน
สังคามาระตาว่าไม่ชำนาญกระบี่ อย่าลงจากหลังม้า เพราะเพลงทวนนั้นชำนาญอยู่แล้วจะเอาชนะได้ง่ายกว่า
“ เมื่อนั้น
ระเด่นมนตรีใจหาญ
จึงตอบอนุชาชัยชาญ
เจ้าจะต้านต่อฤทธิ์ก็ตามใจ
แต่อย่าลงจากพาชี
เพลงกระบี่ยังหาชำนาญไม่
เพลงทวนสันทัดจัดเจนใจ
เห็นจะมีชัยแก่ไพรี ”
มีอารมณ์ละเอียดอ่อน เมื่อจากสามนางมาเห็นสิ่งใดก็คิดถึงนางทั้งสาม คำประพันธ์ความตอนนี้มีความไพเราะมาก
“ ว่าพลางทางชมคณานก โผนผกจับไม้อึงมี่
เบญจวรรณจับวัลย์ชาลี เหมือนวันพี่ไกลสามสุดามา
นางนวลจับนางนวลนอน เหมือนพี่แนบนวลสมรจินตะหรา
จากพรากจับจากจำนรรจา เหมือนจากนางสการะวาตี ”

ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น